ผู้ที่ดูแลและติดตามเกี่ยวกับลิขสิทธิ์หนังฮอลลีวู้ดที่เป็น "หนังตึก" คือ MPA Thailand ครับ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2540

MPA Thailand ย่อมาจาก The Motion Pictures Association of Thailand

เว็บไซต์ก็มีเหมือนกัน แต่เป็นภาษาอังกฤษครับ

**เว็บมาสเตอร์ก็เคยรับหนังสือจากที่นี่ก็หลายครั้งแล้วครับ และอยู่ในกระทู้ที่เกี่ยวกับประกาศซื้อ - ขาย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เป็นเรื่องเฉพาะตัวสมาชิกคนนั้น รวมทั้งต้นตอนะครับ ก็ไม่อยากจะกล่าวถึงสักเท่าไหร่**

ส่วนหนังฝรั่งนอกเหนือจากหนังตึก ในเรื่องการติดตามเรื่องลิขสิทธิ์หากเกิดปัญหา จะยึดตามผู้ได้รับสิทธิ์ในการซื้อเพื่อเข้าฉายในบ้านเราเป็น TERM กี่ปีก็ว่าไปตามสัญญา

แล้วหนังที่ไม่มีระบบฟิล์มก็อดดูละซิ  ผมว่านะใครฉายโปรเจคเตอร์หนังใหม่แบบรับจ้างจับเลยครับเห็นด้วย

แต่หนังเก่าๆที่หาฟิล์มฉายไม่มีแล้วนำมาฉายโปรเจคเตอร์ในรูปแบบฉายงานวัดงานฟรีด้วยใจอนุรักษก็คงจะไม่ว่ากันนครับคุณนุช อิๆๆๆ

ที่คุณนันกล่าวมานั้นถูกต้องครับ เพราะตอนนี้ Piracy ถูกแชร์ไปเยอะ ที่สำคัญผู้ผลิตแผ่นดีวีดีลิขสิทธิ์ในบ้านเราบางราย ก็ผลิตแบบ "สุกเอาเผากิน" ด้วย ไหนจะถูกเซ็นเซอร์อีกต่างหาก

เชื่อว่าต่อจากนี้ไป ราคาค่าชมภาพยนตร์ในโรงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้คนดูหนังกำหนดเลือกที่จะชมมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นหนังที่ไม่ดี หรือทำตัวอย่างแล้วไม่น่าดึงดูดใจแล้ว โอกาสที่เจ้าของหนังเจ็บตัวก็มีสูงขึ้นด้วย (มีกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้วอยู่เนืองๆ)

ส่วนบริการที่ให้เช่าโปรเจคเตอร์นั้น มีทุกหนทุกแห่งแหละครับ ทั้งแบบเปิดเผย และไม่เปิดเผย ส่วนแนวโน้มที่หลายคนวาดฝัน ก็ต้องติดตามกันต่อไป

(แต่ดูแล้ว..แนวโน้มน่าจะเป็นในลักษณะการจัดกิจกรรม หรือเป็นงานอีเว้นต์ที่จัดฉายภาพยนตร์ซึ่งได้รับสิทธิ์จากเจ้าของค่ายหนังโดยตรง หรือเป็นในลักษณะ "ให้เปล่า" จากหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่ประมาณนี้ ถ้านำมาฉายกลางแปลงเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันตามงานประจำปี งานวัด งานศาลเจ้า ดูแล้วน่าจะเป็นไปได้ยากครับ)

สงสัยอย่างหนึ่งว่าเทคโนโลยี ก็มาถึงระดับ ดีวีดี แล้ว(ยังไม่นับรวมแผ่นบลูเรย์ เพราะแผ่นยังแพงอยู่ แล้วการชมภาพยนตร์ในบ้านทั่วๆไป คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ยอมรับคุณภาพของแผ่นดีวีดีได้อยู่แล้ว) 

ทำไมภาพยนตร์เก่าๆที่ทำลงแผ่น จึงยังเป็นวีซีดีอยู่  คุณภาพของภาพก็ด้อยกว่า เล่นจบแผ่นแรกก็ต้องเปลี่ยนแผ่นอีก  หรือการใส่ข้อมูลแบบแผ่นดีวีดี มีต้นทุนสูงกว่า หรือยุ่งยากกว่า แต่ก็รู้ว่าที่ทำเป็นดีวีดีก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ทำไม ไม่ทำเป็นดีวีดีทั้งหมดไปเลยในเมื่อมีคุณภาพดีกว่า(สงสัยจะกลัวว่า ทำออกมาแพงขายยากหรือเปล่า)

ตอบแบบกำปั้นทุบดิน

ประชากรซึ่งมีรายได้น้อย และไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยี (รวมทั้งที่รู้แบบงูๆ ปลาๆ กับรู้ไม่จริง) มีเยอะครับ เลยต้องผลิตเป็นวีซีดีเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่คาราโอเกะก็ยังต้องผลิตเป็นวีซีดีครับ

นอกจากนี้ คนที่ซื้อไป ก็ไม่ได้เก็บแบบจริงจัง ซื้อมาก็เหมือนเล่นขายของ นานวันเข้าก็เบื่อ กลายเป็นขยะไปโดยปริยาย

^

คำถามไม่เคลียร์นะครับ แต่ก็ต้องตอบ ว่ากันตามสองฟอร์แมต (แผ่นกับฟิล์ม)

* กรณีแผ่นนั้น มีอยู่ 5 รูปแบบคือ

- ซูมแบบตรงๆ เลย (ส่วนใหญ่จะเป็นหนังไทย หนังเทศก็มีเหมือนกัน)

- ซูมจากเมืองนอก โมเสียงไทย

- มาสเตอร์นอก โมเสียงไทย

- มาสเตอร์นอก พากย์ไทย (มักจะเป็นหนังที่ค่ายหนังบ้านเราซื้อไว้ และยังไม่กำหนดวันเข้าฉาย แต่ \"ผี\" มาก่อน ประเภทนี้ลงทุนจ้างนักพากย์ด้วยนะครับ มักจะเป็นกึ่งสมัครเล่น)

- ก็อบปี้ มาสเตอร์ >> อันนี้คุ้นเคยกันอยู่แล้ว กล่าวคือ แผ่นลิขสิทธิ์วางขาย แผ่นก็อบปี้ก็วางจำหน่ายออกมา ครอบคลุมทั้งหนัง และเพลง (โดยเฉพาะคาราโอเกะ หรือคอนเสิร์ต)

* กรณีที่เป็นฟิล์ม เป็นไปได้ยากครับ เพราะทุกแล็บมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด มีกล้องวงจรปิดติดตั้งในห้องพิมพ์ฟิล์มด้วยนะครับ มีการเช็คจำนวน และอื่นๆ

ที่หลุดรอดออกไป ก็มีอยู่หรอกครับ แต่จะเป็นช่วงที่กระแสหนังแผ่วลงแล้ว หลังจากนี้ก็ตัวใครตัวท่านก็แล้วกันครับ

ไม่ต้องคิดมากหรือถกเถียงกันให้เสียเวลาเพราะตอนนี้มีผู้ไปซื้อสิทธิ์หนังมาฉายด้วยโปรเจ็คเตอร์แบบถูกลิขสิทธิ์แล้วครับ คาดว่าไม่นานคงแพร่กระจายทั่วเมืองไทยตอนนี้เห็นเริ่มที่ตะวันออกก่อนครับ

ความเจริญมาถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ถ้าอยากอยู่รอดก็ต้องปรับตัวครับ อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกลองโทรสอบถามป๋าจุ๋มได้เลยครับรับรองที่นั่นมีคำตอบครับ เพราะตอนนี้เริ่มมีหน่วยที่ฉายหนังแบบถูกลิขสิทธิ์ด้วยโปรเจ็คเตอร์แล้ว..

  เสี่ยแอ๊ดไปเอาข่าวนี้มาจากไหนครับ ผมสอบถามไปทางสายตะวันออกของสมานฟิลม์คุณสุวัฒน์แล้วว่าไม่มีและเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีก็จะจับลูกเดียวและหนังของเครือสหมงคลฟิลม์ก็ไม่มีการขายลิขสิทธิ์แผ่นเพื่อให้ไปฉายโปรเจคเตอร์กลางแปลงทำในลักษณะการค้าโดยเด็ดขาด