Aquaman (2018, dir: James Wan)
เจมส์ วาน เก่งว่ะ ไม่ได้เก่งธรรมดา เก่งมากด้วย เป็นคนรู้คราฟท์หนังว่าเบอร์ประมานนี้กุควรทำยังไง ทำไปทำไม ดีลกับใครอยู่ ไอ้สิ่งที่เป็นจักรวาลของตัวเองมันก็คิดและดีไซน์เก่งอยู่แล้วพวกคอนจูริ่ง - อินซีเดียส ทั้งหลาย แต่ไอ้เวลาไปทำหนังในเฟรนไชส์คนอื่นเค้า แล้วปรับฟอร์มหนังให้เข้ามือตัวเองได้โดยไม่ตีกับสตูดิโอนี่โคตรน่าประทับใจ
-ชอบการจัดการเส้นเรื่องนะ มันไม่รุงรัง แต่ดูของเยอะ ไปดูดีๆ จะเห็นว่าเส้นเรื่องมันมีแค่นิดเดียว ไอ้นี่ไปหาหอก ผู้ร้ายก็ตีเมืองต่างๆ ใต้น้ำก่อสงครามไป แต่ระหว่างทางมันเล่าไขว้กันไปมามันก้ไม่ทิ้งเรื่องปูมหลัง เรื่องพ่อ เรื่องแม่ เรื่องความเป็นคนลูกครึ่ง ฯลฯ ดูใส่ใจดี ถึงทุกอย่างที่ว่า เคยถูกเล่าไปเป็นหนังร้อยๆ เรื่องแล้วมั้ง มันก็เลยไปสนใจพวกดีเทลแทน
-วิธีการตัดทอนดีเทล เลือกเล่า-ไม่เล่า ของเจมส์ วานนี่น่าสนใจมาก เด็กเรียนหนังไปนั่งดูเรื่องพวกนี้หน่อย คือจะเห็นว่าทุกอย่างที่หนังต้องเล่า เหมือนหนังมาเวล ประเภท ตัวละครพล่ามอดีตกัน / ไอ้นี่ปมงั้นงี้ / ความเป็นครอบครัว บลาๆ แต่หลายจังหวะเจมส์ วานมันทิ้งไปเลย หรือเล่าพร้อมกันสองเส้นในเวลาเดียว เช่น ตอนพระเอกมันเจออาจารย์ก่อนสู้ อาจารย์ก็ถามว่านี่ มึงจำที่กูสอนได้มั้ย ก็ตัดย้อนไปเล่าตอนพระเอกวัยรุ่น บลาๆ วิธีเล่ามันไม่ได้เล่าเป็นก้อนยาวๆ แบบมาเวล แต่มันมีดีไซน์ซอยคัต ใช้แฟลชแบคมาเล่าอารมณ์มากกว่าเล่าเรื่อง มันเลยเร็ว ไม่ยืดย้วย ไม่อารัมภบทอะไรมาก
-ดูหนังพวกนี้ชอบดูว่า เวลาคนทำมันเล่นท่าอะไรในหนังแล้วเวิร์กไม่เวิร์ก ลองเทียบเรื่องนี้กับ Thor: Ragnarok นี่แม่งมีความพยายามเล่นท่าแบบเดียวกัน อย่างการพาหนังไปแตะป๊อปคัลเจอร์นั่นโน่นนี่ ในแร๊กนรกเราจะมีปัญหากับเวลามันทีเล่นทีจริงมาก รู้สึกล้นเยอะรุงรัง พอจริงจังทีมันเลยแบบ เอ่ออ เหรออ ไปทางนี้เหรอ ได้เหรอออ แต่อควาแมนมันจัดการรอยตะเข็บตรงนี้ได้ดีกว่า จับเนื้อผ้าแล้วเป็นเนื้อเดียวกันกว่า
-ยกตัวอย่าง ช่วงเส้นผจญภัยหาหอกนี่สนุกดี กลิ่นๆ อินเดียน่า โจนส์ มาเลย ทำไม่ถึงตรงนี้จะเป็นรอยตะเข็บโหว่ใหญ่มากๆ (ลองนึกถึง Justice League) เหมือนหลุดไปเป็นหนังอีกเรื่องได้ง่าย เราว่าในแง่การทำงาน อควาแมน จัดการยากกว่า Fast7 ตรงที่ท่าบังคับมันจัดจ้านแล้วเดิมพันสูงกว่า เล่นท่ายากกว่าด้วย พี่มีทั้งใต้ทะเล ทั้งสงคราม ทั้งผจญภัย ประวัติศาสตร์ ดราม่า ฯลฯ ฟาส7 นี่อาจเป็นโจทย์อีกแบบคือทำหนังมนุษย์หัวโล้นๆ ขับรถแล้วทะเลาะกันไปเรื่อย ให้เป็นหนังการ์ตูน55
-ซีนดีไซน์บางอันชอบมาก คิดว่าเจมส์ วานมันดูหนังกำลังภายในแน่ๆ คือ ซีนฝึกวิชาควงหอกแล้วกลายเป็นระฆังทองคุ้มครองกาย 555 สัส ไปๆ มาๆ อวาแมน เลยมีกลิ่นหนังกำลังภายในแฟนตาซีที่ดูสนุก มากกว่าหนังกำลังภายในจีนแฟนตาซีแท้ๆ ที่ทำๆ กันอยู่อีก
- สัส พูดมานี้เหมือนดูหนังไม่เป็นหนังเลย เหมือนไปนั่งเลาะตะเข็บคนทำหนังมาดูอีกทีว่าเค้าทำยังไง แต่เวลาดูแล้วก็เพื่อทำความเข้าใจมันนะว่า นอกจากเอาตัง มันไปทำทำไม การทำหนังใหญ่ๆ พวกนี้คือเสริมบารมี เอามัน ลองทดสอบตัวเองด้วยโจทย์ยากๆ ในขณะที่พวกจักรวาลคอนจูริ่งอะไรนี่ มันเป็นคนคุมเกมอยู่แล้ว ความท้าทายคนละแบบ แล้วเราสนุกเวลาเห็นคนทำหนังมันตีโจทย์แตก มันท้าทายเราดีว่าแล้วถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างเข้าใจโจทย์ได้แบบเค้ารึเปล่า ใครๆ ก็อยากทำงานกับลูกค้าแล้วเค้าแฮปปี้-ได้ตังด้วยป่ะวะ
-รอดูแกทำหนังเรื่องถัดไปเลย เพราะการสร้างบารมีตัวเองในฐานะ "คนทำหนังสนุก" ของยุคนี้ที่ลองเปลี่ยน genre ลองมือไปเรื่อยๆ แล้วทำออกมาคนชอบได้ตังนี่ น่าสนใจว่าโปรเจคต์หน้าในจุดที่แกมีพาวเวอร์มากขึ้นกว่าเดิมมากๆ (ทำหนังเฟรนไชส์ 2 เรื่องเปรี้ยงติดๆ กัน ทั้งบู๊และซุปเปอร์ฮีโร่) ทีนี้แกจะเลือกเดินเส้นไหนต่อ ซึ่งมันสำคัญมากๆ ว่าจะอยู่บนเซฟโซนเดิมๆ หรือออกไปลองมือใน Genre อื่นๆ อีก แบบที่โนแลน-สปีลเบิร์กทำ (แล้วโดนชมมั่งด่ามั่ง ว่ากันไปเป็นเรื่องๆ)
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
ความเห็น |
https://www.youtube.com/watch?v=ilmHrqX2yK4