Midnight Cowboy ( 1969 ) คาวบอยหลงยุคสู่ความโสมมของเมืองใหญ่
เรื่องราวของคนใส่ซื่อจากชนบทที่เดินทางสู่เมืองใหญ่ เพื่อชีวิต เพื่อโอกาสที่ดีกว่า เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าขานถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือ บทละคร และภาพยนตร์ ตลอดทุกยุคทุกสมัย ขึ้นอยู่กับมุมมองและแง่คิดที่เจ้าของผลงานต้องการจะสื่อออกมา วันนี้ข้าพเจ้าขอนำเสนอเรื่องราวทำนองเดียวกันที่สื่อออกมาอย่างตรงไปตรงมา อย่างไม่ประณีประณอมในยุคสมัยเมื่อ 48 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันผลงานชิ้นนี้ยังคงถูกกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอ ว่าเป็นการสะท้อนภาพของผู้คนในสังคมที่โดดเดี่ยว ไร้น้ำใจของเมืองใหญ่ ที่พร้อมจะกลืนกินทุกผู้คนที่เกิดพลัดหลงเข้ามาในวงกตอันวกวน ที่ทั้งมืด สกปรก และสลดหดหู่ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตามที ยังคงมีผู้คนมากมายที่ดั้นด้นเดินทางเข้าสู่วงกตแห่งนี้ วงกตที่เรียกขานกันว่า เมืองใหญ่ ซึ่งปรากฎอยู่ในภาพยนตร์สะท้อนชีวิตผู้คนของสังคมเมืองที่ข้าพเจ้าจะนำมาให้ทัศนากันนี้แล้ว
Midnight Cowboy คือเรื่องราวที่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงซึ่งถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีชื่อเดียวกัน ในปี 1963 ผลงานของ Jame Leo Herlilhy ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ออกฉายในปี 1969 จากฝีมือการกำกับของยอด ผกก มือดี อย่าง จอห์น ชเลสซิงเจอร์ ที่ถ่ายทอดบทประพันธ์ชิ้นนี้ออกมาได้อย่างมีคุณค่า ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยได้ดารานำชายสองคนมารับบทนำในหนังเรื่องนี้ นั่นคือ ดัสติน ฮอฟแมน ดาราหนุ่มผู้สร้างชื่อมาจากหนังเรื่อง The Graduate ในปี 1967 มา รับบทนำเป็น ริซโซ่ ชายขาเป๋ผู้กร้านต่อโลกที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ค ไม่เว้นแม้แต่การต้มตุ๋น หลอกลวง ขโมย ส่วนดารานำ อีกคนคือ John Voight ดาราใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันนักในช่วงนั้น มารับบทนำเป็น โจ บั้ค ชายหนุ่มใสซื่อ หน้าตาดีจากเท็กซัส ผู้ชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดคาวบอยสีสันสดใส เขาทิ้งอดีตที่ขมขื่นและอาชีพพนักงานล้างจานเพื่อเดินทางเข้าสู่นิวยอร์ก เพื่อมายึดอาชีพขายบริการ ด้วยคิดว่าเป็นงานสบาย รายได้งาม แต่สิ่งที่เขาพบเจอในนิวยอร์ก ไม่เหมือนที่คิดเอาไว้ โจ บั้ก เดินทางด้วยรถทัวร์มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองด้วยความหวังเต็มเปี่ยมที่จะมีชีวิตที่ดี ก้าวแรกที่ถึงนิวยอร์ก เมืองที่เขาพบเห็น ที่มีตึกรามใหญ่โต แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับบ้านเกิดที่เท็กซัส เขาพบกับสาวใหญ๋ใจดีพาไปหลับนอนด้วย แต่แทนที่จะได้เงินเขากลับต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าตัวให้กับสาวใหญ่ผู้นั้น จนกระทั่งมาพบกับ ริซโซ่ ชายขาเป๋ ที่เข้ามาตีสนิทเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้จัดการจัดหาลูกค้ากระเป๋าหนักให้ โจ บั้ก ถูกหลอกอีกหนเขาต้องสูญเสียเงินทั้งหมดให้กับ ริซโซ่ โดยหลอกลวงว่าเพื่อเป็นค่านายหน้า ในขณะเดียวกันก็ถูกไล่ออกจากห้องเช่าเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง โจ บั้ก ได้มาพบกับ ริซโซ่ อีกหน แต่เขาไม่อาจหักใจทำร้ายชายขาเป๋ ที่ตุ๋นเงินเขาไปจนหมด ทั้งคู่มาจึงพักอาศัยด้วยกันในห้องพักของ ริซโซ่ ซึ่งเป็นตึกร้างที่กำลังจะถูกรื้อ ด้วยความหนาวเหน็บ ความอดอยาก ชายสองคนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ทั้งคู่ต้องขโมยอาหารจากร้านค้าในย่านนั้นเพื่อประทังชีวิต ไม่เว้นแม้แต่การที่ โจ บั๊ก ต้องไปยืนตามริมถนนเพื่อขายบริการให้แก่พวกรักร่วมเพศ จนเมื่อ โจ บั้ก ได้รับเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงมั่วยาและเซ็กส์ขของกลุ่มศิลปิน วอฮอล โซไซตี้ โดยมี ริซโซ่ ติดตามไปด้วย หลังงานเลี้ยงผ่านไป ทั้งสองคนนำเงินที่ได้จากการล้วงกระเป๋าในงานเลี้ยง รวมถึงเงินจากการเร่ขายตัวของ โจ บั้ก เพื่อเป็นค่าเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ยัง ฟลอริดา เติมเต็มความฝันของ ริซโซ่ ทั้งคู่เดินทางสู่ฟลอริดา โจ บั้ก สลัดคราบคาวบอยทิ้ง โดยคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หางานทำที่นั่น
นั่นคือเรื่องราวโดยย่อของ Midnight Cowboy หนังสะท้อนภาพการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่อย่าง นิวยอร์ก เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หลากหลายชีวิตที่ต้องดิ้นรนที่นี่ ผู้คนมากมายกลับมีชีวิตที่เงียบเหงา โดดเดี่ยว ภาพของเมืองใหญ่ในย่างก้าวแรกที่ โจ บั้ก มาถึง เป็นภาพของรถราขวักไขว่ ผู้คนเดินกันเบียดเสียดบนฟุตบาท ในขณะที่ชายผุ้หนึ่งนอนหมดสติบนทางเท้า โดยไม่มีใครสนใจ ทุกคนต่างเร่งรีบ ก้าวผ่านไปอย่างไม่แยแส โจ บั้ก เดินต่อไปอย่างงุนงง จนไปพบกับสาวแก่ขายตัวที่มองเขาด้วยสายตาเชิญชวน การขายตัวหนแรกของเขาจบลงด้วยการเป็นผู้ที่ต้องจ่ายค่าตัวให้กับหญิงคนนั้น จนกระทั่งมาพบเจอ ริซโซ่ ที่หลอกเอาเงินไปจนหมดตัว ต้องไปอาศัยห้องในตึกเก่าที่กำลังถูกรื้อทิ้ง ทั้งคู่ต้องยืนตากลมหนาวในขณะที่คนงานเริ่มเข้ารื้อซากตึก ผกก สะท้อนภาพเมืองใหญ่ด้วยการตั้งกล้องที่แอบติดตั้งไว้อย่างมิดชิด ถ่ายทอดภาพของท้องถนน และชีวิตบนทางเท้า ให้ดาราทั้งคู่แสดงอย่างเป็นธรรมชาติกลมกลืนไปกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นทำให้สะท้อนภาพชีวิตริมถนนที่มีพลังและสมจริงมาก บทเพลงประกอบตอนเริ่มเรื่อง Every Talking จากเสียงร้องของ Harry Nielsson ที่แสนไพเราะช่วยเติมแต่งให้หนังมีชีวิตชีวามากขึ้น การเชือดเฉือนบทบาทกันของนักแสดงทั้งสองคือ Dustin Hoffman และ John Voight เป็นส่วนสำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้ บทของ ริซโซ่ ชายขาเป๋ผู้กร้านต่อโลก เขารู้จักชีวิต รู้ว่าควรทำและไม่ควรทำอะไร ในขณะที่ตัวเองต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดให้ได้ แต่ลึกลงไปในจิตใจแล้ว ริซโซ คือคนที่มากด้วยน้ำใจ และบทของ โจ บั้ก ชายหนุ่ม ไส ซื่อ จากเท็กซัส ผู้มีอดีตที่ยากแก่การลืม ตลอดทั้งเรื่องภาพอดีตของเขา จะถูกย้อนออกมาให้เห็นเป็นช่วง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตวัยเด็กที่ถูกละเมิดทางเพศจากคนไกล้ชิด หรือในช่วงวัยรุ่นที่ต้องเห็นแฟนสาวถูกข่มขืนต่อหน้า บทบาทจากตัวละครทั้งสองที่ดาราทั้งคู่ต้องเค้นฝีมือแสดงกันออกมา ได้กลายเป็นบทบาทที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งในชีวิตการแสดงของพวกเขา การสะท้อนภาพความบิดเบี้ยว วิปริต ของความโสมมในมุมมืดของนิวยอร์ก ถูก ผกก ถ่ายทอดออกมาโดยผ่านทางสัญลักษณ์ต่าง ๆ อย่างมีชั้นเชิง เช่นฉากการมีเซ็กส์อย่างดุเดือด ที่ โจ บั้ก กระทำกับสาวแก่ หญิงบริการคนแรกที่เขาพบ ที่สื่ออารมณ์ออกมาด้วยภาพของรายการทีวี ที่เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว แทนอารมณ์การร่วมรักของคนทั้งสอง ตัดสลับกับภาพในวัยเด็ก และวัยรุ่นของเขา ที่ร่วมรักหนแรกกับแฟนสาว ก่อนที่แฟนสาวจะถูกกลุ่มอันธพาลลากตัวไปข่มขืน แม้แต่ตัวของ โจ บั้ก เองยังถูกข่มขืนทางประตูหลังด้วยเช่นกัน ผกก แสดงภาพเหล่านี้ออกมาเป็นภาพขาวดำ สื่ออารมณ์ด้วยภาพเปรียบเทียบที่เข้าใจได้ไม่ยาก ภาพของสัตว์ประหลาดที่พ่นไฟ หรือภาพการกระจายของแสงไฟ ในขณะที่ โจ บั้ก มีเซกส์กับเด็กวัยรุ่นชายในโรงหนัง ที่เข้ามาซื้อบริการกับเขา แม้แต่สีเสื้อที่ โจ บั้ก ส่วมใส่ยังเป็นสีม่วงในตอนที่ไปยืนเตร่ริมถนนเพื่อขายบริการให้กับพวกรักร่วมเพศ ในส่วนของ ริซโซ่ ชายขาเป๋ ผู้เจนจัดชีวิต ในอีกด้านหนึ่งนั้น เขาคือตัวแทนของทุกชีวิตที่อยุ่ในซอกหลืบของนิวยอร์ก แต่ยังมีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะไปใช้ชีวิตใหม่ที่ฟลอริดา ภาพโปสเตอร์โฆษณาสถานที่ท่องเที่ยวของฟลอริดา ที่ติดอยุ่บนประตูห้องโกโรโกโสของเขาในซากตึกบ่งบอกได้ดีถึงความฝันของเขา โดยที่มิต้องใช้คำพุดใดมาบอกกล่าว
หนังตอกย้ำความวิปริตทางรสนิยมของผู้คนกลุ่มหนึ่งในเมือง ที่นิยมงานปาร์ตี้ ที่มีแต่ยาเสพติด และจบลงด้วยเซ็กส์ ริซโซ่ และ โจ บั้ก ถูกรับเชิญให้เข้าร่วมงาน ในขณะที่ริซโซ่ นั้นป่วยเรื้อรัง ยากแก่การเยียวยาแล้ว แต่ด้วยมิตรภาพที่ทั้งสองมีแก่กัน ท่ามกลางความโสมมของเมือง เป็นมิตรภาพที่ไม่มีข้อแม้ใด ๆ มิตรภาพที่เกิดจากการได้อยุ่ร่วมกัน กินและอดอยากร่วมกัน โจ ตัดสินใจที่จะสานฝันให้กับริซโซ ให้เป็นความจริง เขานำเงินที่ได้จากการขายตัวหนสุดท้ายเป็นค่าเดินทางสู่ฟลอริดา พร้อมกับละทิ้งคราบของคาวบอยทั้งหมด ประคองร่างริซโซ มุ่งหน้าสู่ ฟลอริดา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง ในขณะที่ริซโซ มีสีหน้าที่หมดหวังแม้นรู้ว่ากำลังเดินทางสู่จุดหมายก็ตามที บทบาทการแสดงของดาราผู้ยิ่งใหญ๋ทั้งสอง โดยเฉพาะการแสดงออกทางอารมณ์ ที่สามารถทำให้คนดูคล้อยตาม และเชื่ออย่างสนิทใจในบทที่ทั้งสองแสดง ด้วยการแสดงออกทางแววตา และสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์ที่รันทดที่สุด โดยที่มิต้องแสดงออกทางกายเลย โดยเฉพาะในช่วงที่ริซโซ่ รู้ตัวดีว่าไม่มีทางที่เขาจะเดินทางไปถึงฟลอริดาได้ Dustin Hoffmanแสดงความรู้สึกออกมา ด้วยแววตาที่อ่อนล้า แต่เขายังคงฝันถึงภาพแห่งความสุข ภาพความฝันของริซโซ่ ที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นช่างสดใส เขาสามารถวิ่งได้เหมือนคนปรกติ ทั้งสองจัดปาร์ตี้กันริมหาด ไมอามี่ ท่ามกลางสาวงามรอบกาย ก่อนที่ภาพสวยงามนี้จะมลายไปเหลือเพียงภาพของชายที่สกปรก หนวดเครารกรุงรัง และแววตาที่อ่อนล้าเต็มทน ในส่วนของ โจ บั้ก ผู้ไม่ยอมแพ้กับความอ่อนล้าของเพื่อน เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนรู้สึกดี ด้วยการแสดงออกทางแววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังว่า ชีวิตในฟลอริดา จะต้องดีกว่าเดิม จนท้ายที่สุดแล้ว เมื่อห้วงเวลาแห่งการพรากจากมาถึง John Voight แสดงอารมณ์เศร้าสลดด้วยการไม่แสดงออกทางกาย แต่สิ่งที่ผู้ชมเห็นคือ แววตา และสีหน้า ที่เศร้าสลดจากส่วนลึกในใจ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่เขาคาดคะเนมาตลอดแล้วว่าจะต้องเกิด
ด้วยเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยปี 1969 ที่เรื่องราวของพวกรักร่วมเพศ ยังเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับการยอมรับกันมากนักในสังคมยุคนั้น โดยเฉพาะเนื้อหาที่กล่าวถึงการขายตัวของพวกรักร่วมเพศ และฉากการมีเซ็กส์ของชายด้วยกัน ที่ปรากฏในหนังอย่างโจ่งแจ้ง ที่แม้จะสื่อแทนอารมณ์ของตัวละครด้วยภาพสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ก็ตามที แต่ทาง MPAA ก็ไม่รีรอเลยที่จะมอบเรท X ให้กับหนังเรื่องนี้ แต่แล้วในการประกาศผลรางวัลออสการ์ในปี 1969 ปีที่หนังออกฉายนั้น Midnight Cowboy คว้ารางวัลออสการ์มาครองอย่างพลิกความคาดหมายรวมสามรางวัลด้วยกัน นั่นคือ หนังยอดเยี่ยม , ผกก ยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ซึ่งส่งผลให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังเรท X เรื่องแรกและเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ของฮอลลีวู้ด ที่คว้ารางวัลออสการ์ หนังยอดเยี่ยมแห่งปีอันทรงเกียรตินี้มาครอง นับเนื่องถึงปัจจุบัน Midnight Cowboy คือภาพยนตร์สะท้อนสังคมอเมริกันที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของฮอลลีวู้ด 48 ปีผ่านไปนับแต่ที่หนังเรื่องนี้ออกฉาย แต่เนื้อหาในหนังไม่เคยล้าสมัยเลยแม้แต่น้อย นี่คือหนึ่งในหนังในดวงใจของผู้คนมากมาย และเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ดีที่สุดของนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ท้งสอง คือ Dustin Hoffman และ John Voight
ข้าพเจ้านำบางส่วนของหนังเรื่องนี้มาให้พระเดชพระคุณท่าน ได้ทัศนากัน หนังที่สะท้อนภาพความโสมมของเมืองใหญ่ เมืองที่กลินกินชีวิต เมืองที่มีผู้คนมากมายแต่ .... ชีวิตกลับเงียบเหงาและเดียวดาย ขอเชิญทัศนากันเถิด
+ |
ความเห็น |